Tuesday, 27 March 2012
คนสำคัญของฉัน
คนๆ นี้ให้กำลังใจฉันยามเมื่ออ่อนแอ คนๆ นี้ปลอบใจยามที่ฉันพ่ายแพ้ คนๆ นี้สอนฉันให้ดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ คนๆ นี้ยามที่เค้ายิ้มโลกทั้งใบจะบานฉ่ำ คนๆ นี้คือคนที่รักฉันอย่างสุดหัวใจ แม้บางครั้งฉันอาจจะทำตัวงี่เง่าไม่แคร์ใคร แม้บางครั้งฉันอาจจะเสียใจกับความผิดหวังอะไรมา แม้บางครั้งฉันอาจจะทำให้ท่านเสียใจ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่ท่านเข้าใจ รู้ใจ แม้บางครั้งคำพูดปลอบใจอาจจะไม่ได้ฟังสวยหรู แม้บางครั้งอาจจะไม่ได้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นเพื่อปลอบใจ ก็เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการกรำงานทำมาหากินเลี้ยงปากท้องคนในบ้านถึง 5 ชีวิต ที่หลายๆ คนในบ้านอาจไม่รู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยนั้น ไม่แม้แต่จะให้กำลังใจเค้า มีแต่รอรับกำลังใจฝ่ายเดียวมันก็ดูจะไม่เข้าท่าสักเท่าไร
คนๆ นี้ก็คือพ่อของฉัน พ่อที่เป็นเหมือนทั้งพี่ ทั้งเพื่อน พ่อที่เป็นทุกอย่างของชีวิต ผู้ให้กำเนิดเรา ผู้ให้ต้นแบบทางกาย ผู้ที่รักเราตั้งแต่ก่อนจะลืมตาดูโลก จนกระทั่งเราจะลาลับจากกันไป
เพราะส่ิงมีชีวิตบนโลกทั้งหลายต่างต้องมีต้นแบบทางกายทั้งสิ้น หมู หมา กา ไก่ ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ฯลฯ ถ้าเราไม่ได้ต้นแบบทางกายจากพ่อเราแล้ว เราก็คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ทั้งหลายพวกนี้
สิ่งต่างๆ ที่ท่านให้เรานั้น ไม่ว่าจะการเลี้ยงดู ให้การศึกษา ให้คำแนะนำสั่งสอน อาจจะดูเหมือนเป็นหน้าที่ที่พ่อพึงกระทำ เชื่อว่าหลายๆ คนคิดอย่างนั้น แล้วทำไมเราไม่ลองคิดอีกมุมนึงว่า ถ้าท่านไม่รักเราหล่ะ ค่าใช้จ่ายการเลี้ยงดู ให้การศึกษา กับใครสักคนตลอด 20 ปี มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย แล้วยิ่งถ้าสมาชิกในบ้านมีมากขึ้น ความเหน็ดเหนื่อยก็ต้องมีมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ทุกคนพึงตระหนัก
โบราณว่า พ่อแม่เลี้ยงลูก 10 คน แต่ลูกคนเดียวเลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้ แต่สมัยนี้แค่ลูกคนเดียวก็ยังถือว่าลำบากเลย เพราะค่าครองชีพต่างๆ ในสังคมสมัยนี้สูงมาก และจะสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกสมัยนี้ 1 ปี อาจเทียบได้กับค่าเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย 4 ปีจนจบการศึกษา เมื่อ 10 ปีก่อนได้สบายๆ เลย
ดังนั้นขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญของผู้ให้กำเนิดเรามา พ่อ ผู้ให้ชีวิต ให้ความเป็นต้นแบบทางกายของเรามา การได้ตอบแทนพระคุณของท่านจึงเป็นเรื่องที่เราควรกระทำอย่างยิ่ง ตอบแทนด้วยการเลี้ยงดูยามท่านชรา หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว พาไปวัดเพื่อให้ได้ทำบุญ ฟังธรรม เตรียมตัวที่จะลาลับโลกไปอย่างผู้มีชัย เราทุกคนควรพึงตระหนักในเรื่องนี้จึงจะได้ชื่อเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีอย่างแท้จริง
Monday, 19 March 2012
เ้ถ้าแก่น้อย
คุณ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ หลายๆ คนฟังดูแึ่ค่คุ้นๆ หู อีกหลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าถึง "เถ้าแก่น้อย" ทุกคนก็จะร้องอ๋อ กันมาทีเดียว
อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ผู้ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์สาหร่ายทอดสำเร็จรูป "เถ้าแก่น้อย" จนกลายเป็นเศรษฐีที่มีอายุน้อยที่สุดของไทยคนนึง จนคนไทยด้วยกันเองยังนำไปสร้างหนังคนไทยเพื่อคนไทย เรื่อง "วัยรุ่นพันธุ์ล้าน" ซึ่งเป็นหนังที่วัยรุ่นยุกต์ใหม่ของไทยที่ทุกคนต้องได้ดูกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ และแนวทางทำธุรกิจที่เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายตัวอย่างไร โดยใช้แนวการตลาดป่าล้อมเมืองของ 7-11 แม้ขณะนี้จะมีบรรดาคู่แข่งที่เข้ามาเลียนแบบทั้งรูปร่าง รูปทรง สีสัน คล้ายๆ กัน แต่ เถ้าแก่น้อย ก็ยังคงได้รับความนิยมไม่ตกไปเลย ด้วยความเป็นมืออาชีพของคุณอิทธิพันธ์ ที่ไม่ยอมให้สินค้าตกคุณภาพ ทั้งแพคเกจใหม่ๆ สีสันสะดุดตาสะดุดใจ ที่ออกมาใหม่พร้อมกับ รูปทรงต่างๆ รสชาติต่างๆ ออกมาให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังรักษาคุณภาพความอร่อยไว้ได้ทุกซอง นี่เองที่ทำให้ความนิยมไม่ตกเลย
เพราะการที่เป็นคนหัวใส ทำการค้าเก่ง จากเด็กติดเกมธรรมดา กลับมีรายได้จากการขายไอเท็มได้เป็นกอบเป็นกำ จากนั้นก็ทำธุรกิจเกาลัดที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมีสาขากว่า 30 สาขา แต่เพราะร้านขายเกาลัดเถ้าแก่น้อยมีของแห้งขายมากมาย สิ่งที่ขายดีกลับเป็นสาหร่ายทอด ทำให้กลับคิดได้ว่าจะทำธุรกิจสาหร่ายทอดตรา เก้าแก่น้อย อย่างจริงจัง ด้วยความคิดนี้จึงไปสู่การออกแบบPackage ที่แหวกแนว การคำนึงถึงคุณภาพสินค้าให้เก็บความอร่อยได้ยาวนาน จนได้รับการยอมรับให้วางผลิตภัณฑ์ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ได้ 3,000 สาขาทั่วประเทศ นี่เองจุดเป็นจุดเริ่มของ เถ้าแก่น้อยพันล้าน
ด้วยความเป็นคนที่มีความรัก และกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ประกอบด้วยเป็นคนที่คิดจริง ทำจริง ใจใหญ่ ใจสู้ นี่เอง ที่ทำให้ เถ้าแก่น้อย ผงาดอย่างมีศักดิ์ศรี เป็น Talk of the town เป็นต้นแบบให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่กล้ารวยทุกๆ คน ได้เห็นเป็นแบบอย่าง ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจสังคมไทยให้ก้าวนำไปสู่เศรษฐกิจโลก
สุดท้ายนี้ก็ขอให้น้องๆ ทุกคน เมื่อได้อ่านและรู้จัก เถ้าแก่น้อย มากขึ้นแล้ว ก็ขอให้ทุกคนใช้พลังความรัก ความเข้าใจกัน และความกตัญญู ให้มาก มาใช้ให้เกิดกำลังความคิด สติ ปัญญา ในการแก้ไขปัญหาของทุกคนให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะการทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรคขอเพียงเราไม่ละทิ้งครอบครัว ไม่ทิ้งคนที่เรารักแล้วละก็ พลังแห่งการทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จย่อมทำได้แน่นอน หากเพียงแต่เราลงมือทำ และไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคอันใด จนต้องท้อใจเลิกไปเสียก่อนแล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน และสุดท้ายอย่าทิ้งความดีที่เราได้ทำไว้ ไม่ว่าจะทำทาน รักษาศีล และหมั่นไปวัดทำบุญ นั่งสมาธิ เพื่อฝึกใจของเราผ่องใสอยู่ตลอดเวลา เพราะคนที่เก่งและดี ย่อมรักษาความสำเร็จของเราไว้ได้ยาวนาน ความสำเร็จทำได้ไม่ยาก แต่จะรักษาความสำเร็จให้ยาวนานเป็นเรื่องที่ยากกว่า
Subscribe to:
Posts (Atom)